เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนหรือฤดูหนาว อาการหวัดมักเป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอ การเลือกใช้ ยาแก้หวัด และ ยาลดน้ำมูก ที่เหมาะสม จะช่วยบรรเทาอาการไม่สบายและทำให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น บทความนี้จะแนะนำ 5 อันดับยาแก้หวัด ลดน้ำมูก ที่ได้รับความนิยมและขายดีในประเทศไทย

1. ทิฟฟี่ เดย์ (Tiffy Dey) – ยาแก้หวัด ลดน้ำมูกยอดนิยม
ทิฟฟี่ เดย์ เป็นยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของ พาราเซตามอล (Paracetamol), คลอร์เฟนิรามีน (Chlorpheniramine Maleate) และ ฟีนิลเอฟรีน (Phenylephrine HCL) ซึ่งช่วยบรรเทาอาการ ปวดศีรษะ คัดจมูก น้ำมูกไหล และไข้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยาแก้หวัดที่ไม่ทำให้ง่วงนอน

2. ดีคอลเจน (Decolgen) – ยาลดน้ำมูก แก้คัดจมูก
ดีคอลเจน เป็นยาแก้หวัดที่ช่วยบรรเทาอาการ ไข้ น้ำมูกไหล คัดจมูก และช่วยลดอาการแพ้ มีส่วนผสมของ พาราเซตามอล ฟีนิลเอฟรีน และคลอร์เฟนิรามีน ช่วยลดอาการหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยาแก้หวัดที่ช่วยบรรเทาอาการแพ้ไปพร้อมกัน

3. เทลฟาสต์ (Telfast) – ยาต้านฮิสตามีน ลดน้ำมูก
เทลฟาสต์ เป็นยาต้านฮิสตามีนที่ช่วยลดอาการ น้ำมูกไหล คัดจมูก จาม และอาการแพ้ มีตัวยา เฟกโซเฟนาดีน ไฮโดรคลอไรด์ (Fexofenadine HCL) ซึ่งไม่ทำให้ง่วง เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นหวัดจากภูมิแพ้และต้องการยาแก้หวัดที่สามารถใช้ในระหว่างวันได้

4. คลาริทิน (Clarityne) – ยาแก้หวัดจากภูมิแพ้
คลาริทิน มีส่วนผสมของ ลอราทาดีน (Loratadine) ที่ช่วยบรรเทาอาการ น้ำมูกไหล คัดจมูก จาม และคันตา ยานี้ออกฤทธิ์เร็วและไม่ทำให้ง่วง เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการหวัดจากภูมิแพ้และต้องการยาแก้หวัดที่สามารถใช้ได้ในระหว่างวัน

5. บราวน์ มิกซ์เจอร์ (Brown Mixture GPO) – ยาแก้ไอ ขับเสมหะ
บราวน์ มิกซ์เจอร์ เป็น ยาแก้ไอน้ำดำ ที่ช่วยขับเสมหะ มีส่วนผสมของ สารสกัดจากสมุนไพรและแอลกอฮอล์ ช่วยลดอาการไอและทำให้เสมหะออกง่ายขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการหวัดร่วมกับอาการไอ
วิธีเลือกยาแก้หวัด ลดน้ำมูก ให้เหมาะสม
- หากมี ไข้ ปวดหัว คัดจมูก น้ำมูกไหล ควรเลือกยาแก้หวัดที่มี พาราเซตามอล และ คลอร์เฟนิรามีน
- หากมี อาการแพ้ จาม คันตา ควรเลือก ยาต้านฮิสตามีน เช่น เทลฟาสต์ หรือ คลาริทิน
- หากมี อาการไอมีเสมหะ ควรใช้ ยาแก้ไอขับเสมหะ เช่น บราวน์ มิกซ์เจอร์
- อ่านฉลากยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ
การเลือกใช้ ยาแก้หวัด และ ยาลดน้ำมูก ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณฟื้นตัวเร็วขึ้น และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3-5 วัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม